ชวนรู้จัก Digital Transformation คืออะไร สำคัญกับองค์กรอย่างไร
Digital Transformation คืออะไร? องค์ประกอบหลักมีอะไรบ้าง ประโยชน์ ขั้นตอนการทำให้ประสบความสำเร็จ และปัญหาที่พบบ่อย พร้อมวิธีนำ ERP มาใช้ให้เกิดประโยชน์
23 April, 2025 by
-, Krittikarn
 

ชวนรู้จัก Digital Transformation คืออะไร สำคัญกับองค์กรอย่างไร

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และเป็นปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย ธุรกิจต่าง ๆ เองก็จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด หลายองค์กรจึงหันมาให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและกระบวนการทำงานโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาท บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Digital Transformation คืออะไร รวมถึงประโยชน์ ขั้นตอนการทำ และปัญหาที่พบบ่อย เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับองค์กรของคุณได้

Digital Transformation คืออะไร

Digital Transformation คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนหรือสร้างสิ่งใหม่ในกระบวนการทำงานขององค์กร เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในยุคดิจิทัล ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เท่านั้น แต่ครอบคลุมถึงการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ ทั้งมิติด้านกระบวนการธุรกิจ (Business process) มิติด้านวัฒนธรรมองค์กร (Organizational culture) และมิติด้านประสบการณ์ของลูกค้า (User Experience)

การทำ Digital Transformation เป็นการเปลี่ยนผ่านจากระบบแบบเดิม (Analog) เช่น การจดบันทึกข้อมูลด้วยมือ การเก็บเอกสารในรูปแบบกระดาษ มาเป็นรูปแบบดิจิทัลที่สามารถจัดเก็บข้อมูลเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ การทำงานผ่านระบบออนไลน์ การใช้ Cloud Computing ที่ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา ตอบสนองต่อรูปแบบการทำงานยุคใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสำนักงานตลอดเวลา

นอกจากนี้ Digital Transformation คือ การปรับเปลี่ยนกระบวนการทางธุรกิจ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ให้กับองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจในยุคปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว องค์กรที่ไม่ปรับตัวอาจเสี่ยงต่อการถูก Disrupt จากคู่แข่งที่มีการปรับตัวที่รวดเร็วกว่า

4 องค์ประกอบหลักของ Digital Transformation

4 องค์ประกอบหลักของ Digital Transformation

การทำ Digital Transformation ให้ประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลักสำคัญ 4 ประการ ซึ่งต้องมีการพัฒนาไปพร้อมกันอย่างสมดุล เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งองค์กร ได้แก่ การปรับเปลี่ยนด้านเทคโนโลยี กระบวนการทำงาน ข้อมูล และวัฒนธรรมองค์กร

การปรับเปลี่ยนด้านเทคโนโลยี (Technology Transformation)

การปรับเปลี่ยนด้านเทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญของ Digital Transformation เพราะเป็นเครื่องมือหลักที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริง การปรับเปลี่ยนด้านนี้ครอบคลุมตั้งแต่การนำเทคโนโลยีพื้นฐานมาใช้ เช่น Cloud Computing ที่ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ไปจนถึงเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI, Machine Learning, IoT (Internet of Things) หรือ Blockchain ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการวิเคราะห์ข้อมูล การตัดสินใจ และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

นอกจากนี้ยังรวมถึงการพัฒนาระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการปกป้องข้อมูลองค์กรและข้อมูลลูกค้า การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรและสามารถผสมผสานเข้ากับระบบที่มีอยู่เดิมได้อย่างราบรื่น จะช่วยให้การทำ Digital Transformation ประสบความสำเร็จ

การปรับเปลี่ยนด้านกระบวนการทำงาน (Process Transformation)

การปรับเปลี่ยนด้านกระบวนการทำงานเป็นการนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยอาจเป็นการลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ลดความซับซ้อน หรือแม้แต่การออกแบบกระบวนการทำงานใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและความต้องการทางธุรกิจในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น การนำระบบอัตโนมัติ (Automation) มาใช้ในงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ เพื่อลดเวลาและข้อผิดพลาดจากมนุษย์ การนำแอปพลิเคชันมาใช้ในการติดตามและบริหารงาน หรือการใช้ระบบ e-Learning ในการฝึกอบรมพนักงาน ซึ่งช่วยประหยัดทั้งเวลา เงิน และทรัพยากรบุคคล ทำให้องค์กรสามารถจัดสรรทรัพยากรไปยังงานที่มีมูลค่าสูงกว่าได้

การปรับเปลี่ยนด้านข้อมูล (Data Transformation)

การปรับเปลี่ยนด้านข้อมูล (Data Transformation) เป็นการจัดการกับข้อมูลมหาศาลที่องค์กรมีอยู่และที่เกิดขึ้นใหม่ทุกวัน ให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจทางธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวมข้อมูล การจัดระเบียบข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการนำข้อมูลไปใช้ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกช่วยให้องค์กรเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น สามารถคาดการณ์แนวโน้มตลาด ระบุโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลจริง (Data-driven Decision Making) ซึ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าการตัดสินใจด้วยสัญชาตญาณหรือประสบการณ์เพียงอย่างเดียว

การปรับเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมองค์กร (Cultural Transformation)

การปรับเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมองค์กรเป็นองค์ประกอบที่ท้าทายที่สุด แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ Digital Transformation เพราะแม้จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีกระบวนการทำงานที่ดี และมีระบบจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ แต่หากพนักงานไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ไม่พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือไม่เห็นคุณค่าของการทำ Digital Transformation การเปลี่ยนแปลงก็จะไม่ประสบความสำเร็จ

ซึ่งการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรต้องเริ่มจากผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เข้าใจความสำคัญของการทำ Digital Transformation และสามารถสื่อสารวิสัยทัศน์นั้นให้พนักงานทุกระดับเข้าใจและเห็นคุณค่า รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้และการทดลองสิ่งใหม่ ๆ การให้อำนาจการตัดสินใจแก่พนักงาน (Empowerment) และการยอมรับความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ นอกจากนี้ ยังต้องมีการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล (Digital Skills) ให้กับพนักงาน เพื่อให้สามารถใช้งานเทคโนโลยีใหม่ ๆ และสร้างแรงจูงใจให้พนักงานเห็นว่าการพัฒนาทักษะเหล่านี้มีประโยชน์ต่อตนเองและองค์กร

ประโยชน์ของ Digital Transformation ต่อองค์กร

ประโยชน์ของ Digital Transformation ต่อองค์กร

Digital Transformation สามารถสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้อย่างมากมาย ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายใน ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนขององค์กรในระยะยาว

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดต้นทุน

การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำงานช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมาก เช่น การนำระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) เข้ามาใช้ ซึ่งช่วยพัฒนาข้อมูลจากทุกแผนกในองค์กร ทำให้ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน ลดความผิดพลาดจากการป้อนข้อมูลหลายครั้ง และช่วยให้ผู้บริหารสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นปัจจุบันได้ทันที ซึ่งช่วยในการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ

ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า

การทำ Digital Transformation ช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างมาก ทั้งจากการสร้างช่องทางการติดต่อที่หลากหลายและสะดวกมากขึ้น การให้บริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และการนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย เช่น การนำเทคโนโลยีอย่างแชทบอท (Chatbot) หรือระบบตอบรับอัตโนมัติ (IVR - Interactive Voice Response) มาใช้ในการให้บริการลูกค้า ช่วยให้ลูกค้าสามารถรับความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องรอคิวนาน และยังช่วยลดภาระงานของพนักงานฝ่ายบริการลูกค้าอีกด้วย

สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่

Digital Transformation เปิดโอกาสให้องค์กรสามารถสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ นำเสนอสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ และเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเข้าถึงมาก่อน โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อน การทำ Digital Transformation จึงไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงธุรกิจเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยเปิดโอกาสให้องค์กรสามารถสร้างแหล่งรายได้ใหม่และสร้างการเติบโตในระยะยาวได้อีกด้วย

เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถพัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น (Time-to-Market) และสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ การมีข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน ช่วยให้องค์กรสามารถวิเคราะห์แนวโน้มตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค และการเคลื่อนไหวของคู่แข่งได้อย่างแม่นยำ 

ขั้นตอนการทำ Digital Transformation ให้ประสบความสำเร็จ

  • กำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจน : ก่อนเริ่มต้นทำ Digital Transformation องค์กรต้องมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการเปลี่ยนแปลงอะไร เพื่ออะไร และคาดหวังผลลัพธ์อย่างไร
  • ประเมินสถานะปัจจุบันขององค์กร : วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคขององค์กรในปัจจุบัน เพื่อระบุว่ามีช่องว่าง (Gap) อะไรบ้างที่ต้องได้รับการแก้ไขหรือพัฒนา
  • ออกแบบแผนการดำเนินงาน : กำหนดแนวทางการดำเนินงาน กำหนดระยะเวลา กำหนดทรัพยากรที่ต้องใช้ (ทั้งบุคลากร งบประมาณ และเทคโนโลยี) และกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPI)
  • สร้างทีมงานที่เหมาะสม : จัดตั้งทีมที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย ทั้งด้านเทคโนโลยี ธุรกิจ และการบริหารการเปลี่ยนแปลง โดยอาจมีทั้งบุคลากรภายในและที่ปรึกษาภายนอก
  • เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม : เลือกเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจ สามารถบูรณาการเข้ากับระบบที่มีอยู่เดิม และมีความยืดหยุ่นพอที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
  • พัฒนาทักษะของบุคลากร : ฝึกอบรมและพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้กับพนักงานทุกระดับ เพื่อให้สามารถใช้งานเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เริ่มต้นแบบค่อยเป็นค่อยไป : เริ่มจากโครงการนำร่อง (Pilot Project) ขนาดเล็กที่สามารถเห็นผลสำเร็จได้เร็ว เพื่อสร้างแรงผลักดันและความเชื่อมั่นในการทำ Digital Transformation
  • วัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง : กำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนและวัดผลอย่างสม่ำเสมอ นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่อง
  • สื่อสารและสร้างการมีส่วนร่วม : สื่อสารวิสัยทัศน์ เป้าหมาย และความคืบหน้าของการทำ Digital Transformation ให้พนักงานทุกคนรับทราบอย่างสม่ำเสมอ และสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย
  • ปลูกฝังวัฒนธรรมดิจิทัล : สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการเรียนรู้และนวัตกรรม และมองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้
  • บริหารการเปลี่ยนแปลง : มีแผนการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management) ที่ชัดเจน เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างราบรื่น
  • สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ : ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหรือด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมจุดแข็งและลดข้อจำกัดขององค์กร

ปัญหาที่พบบ่อยในการทำ Digital Transformation

  • ขาดวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจน : หลายองค์กรทำ Digital Transformation โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นเพียงการนำเทคโนโลยีมาใช้ตามกระแส ทำให้ไม่สามารถวัดผลสำเร็จและไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง
  • การต่อต้านการเปลี่ยนแปลงจากพนักงาน : พนักงานมักกลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวว่าจะทำงานไม่เป็น หรือกลัวว่าจะถูกเทคโนโลยีมาแทนที่ ทำให้เกิดการต่อต้านการทำ Digital Transformation
  • ขาดการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง : การทำ Digital Transformation ต้องการการสนับสนุนและความมุ่งมั่นจากผู้บริหารระดับสูง หากผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญหรือไม่สนับสนุนอย่างเต็มที่ โครงการมักไม่ประสบความสำเร็จ
  • ขาดทักษะและความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล : องค์กรอาจไม่มีบุคลากรที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเพียงพอ ทำให้การนำเทคโนโลยีมาใช้ไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่ตรงกับความต้องการ
  • การเลือกเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม : การเลือกเทคโนโลยีที่ไม่ตรงกับความต้องการขององค์กร หรือไม่สามารถบูรณาการเข้ากับระบบที่มีอยู่เดิมได้ จะทำให้เกิดความยุ่งยากและสิ้นเปลืองทรัพยากร
  • ขาดการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดี : การทำ Digital Transformation ต้องมีการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดี เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถปรับตัวและยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้
  • โครงการใหญ่เกินไปหรือซับซ้อนเกินไป : การเริ่มต้นด้วยโครงการขนาดใหญ่หรือซับซ้อนเกินไป อาจทำให้เกิดความล่าช้า ข้อผิดพลาด และความล้มเหลวได้ง่าย
  • ขาดการวัดผลและการติดตามที่มีประสิทธิภาพ : การไม่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจนหรือไม่มีการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ไม่สามารถประเมินความสำเร็จหรือระบุปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขได้
  • ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ : การมุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพและความรวดเร็วโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ อาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์
  • ไม่สามารถรักษาการเปลี่ยนแปลงให้ยั่งยืน : หลายองค์กรสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ในระยะสั้น แต่ไม่สามารถรักษาการเปลี่ยนแปลงนั้นให้ยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากขาดการปลูกฝังวัฒนธรรมดิจิทัลที่แข็งแกร่ง

สรุปบทความ Digital Transformation คืออะไร

สรุปบทความ Digital Transformation คืออะไร

Digital Transformation คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานและโมเดลธุรกิจขององค์กร เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในยุคดิจิทัล โดยครอบคลุมทั้งการปรับเปลี่ยนด้านเทคโนโลยี กระบวนการทำงาน ข้อมูล และวัฒนธรรมองค์กร 

ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) และ Odoo เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการทำ Digital Transformation เนื่องจากเป็นระบบที่รวมทุกฟังก์ชันการทำงานขององค์กรไว้ในที่เดียว ตั้งแต่การจัดการบัญชีและการเงิน การขาย การจัดซื้อ คลังสินค้า การผลิต ไปจนถึงการบริหารทรัพยากรบุคคล ช่วยให้ข้อมูลถูกเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน และช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามการทำงานได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพขึ้น

Share this post